ทุกคนทั่วโลกต่างรู้ดีว่าเรากำลังอยู่ในยุคของวิกฤตสภาพอากาศ บริษัทข้ามชาติต่างพากันออกมาประกาศว่าจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยไม่มีข้อยกเว้น

* วิธีการหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ของบริษัทคือการที่บริษัทพยายามอย่างเต็มที่ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพยายามอย่างเต็มที่ภายในองค์กร

* อีกวิธีหนึ่งคือการซื้อ 'เครดิตคาร์บอน' เพื่อให้เป็นศูนย์

การที่บริษัทพยายามอย่างเต็มที่ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนนั้นเป็นเรื่องยากมาก การพัฒนาและวิจัยเพื่อผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก และแม้ว่าราคาจะสูงขึ้น แต่ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และต้องพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ดังนั้น วิธีที่ 2 คือการซื้อ 'เครดิตคาร์บอน' เป็นจำนวนมาก แล้วจะซื้อได้อย่างไร?

การซื้อป่าอเมซอนในเปรู ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีป่าไม้มากมาย ปัญหาคือการขับไล่ชาวพื้นเมืองออกไป และห้ามมิให้ทำลายป่าเพื่อ 'เครดิตคาร์บอน' เนื่องจากชาวพื้นเมืองเหล่านี้เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในอเมซอน ชาวพื้นเมืองไม่ได้ทำลายป่าตั้งแต่แรก พวกเขาเป็นผู้ที่ อาศัยอยู่กับธรรมชาติ ล่าสัตว์ และปรุงอาหารแบบดั้งเดิม

ไม่ได้เป็นการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายหรือทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเพียงแค่การซื้อเท่านั้น

ดังนั้น บริษัทข้ามชาติที่ซื้อเครดิตคาร์บอนจึงถูกเรียกว่า 'โจรสลัดคาร์บอน'

การผลิตขวดน้ำพลาสติกหนึ่งขวดต้องใช้ปิโตรเลียมในปริมาณ 1 ใน 4 ของขวดน้ำพลาสติกนั้น ปริมาณการบริโภคน้ำดื่มทั่วโลกอยู่ที่ 455.2 พันล้านลิตร บริษัทข้ามชาติสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 'น้ำดื่มคาร์บอนเป็นศูนย์' และ 'น้ำมันเครื่องคาร์บอนเป็นศูนย์' โดยการซื้อเครดิตคาร์บอน

เมื่อเร็วๆ นี้ องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมในเยอรมนีได้ฟ้องร้องบริษัท 40 แห่งที่ติดฉลาก 'คาร์บอนเป็นศูนย์'

เมื่อเร็วๆ นี้ฉันไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเยอรมนี รู้สึกเหมือนวิกฤตสภาพอากาศได้รับการแก้ไขแล้ว
เนื่องจากทุกผลิตภัณฑ์มีฉลาก 'คาร์บอนเป็นศูนย์'

ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมใดๆ อีกต่อไป

มัทธีอัส วัลเตอร์ / โฆษกขององค์กรสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมเยอรมนี (DUH) จากการสัมภาษณ์

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย คุณสามารถดูวิดีโอทั้งหมดได้บน YouTube