หัวข้อ
- #ความเสี่ยงของอาวุธ AI
- #การรวมชีววิทยาและ AI
- #ความยากลำบากในการนำรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติมาใช้
- #วิศวกรรมพรอมต์ (Prompt Engineering)
- #การทำงานอัตโนมัติของการพัฒนาซอฟต์แวร์
สร้าง: 2024-03-26
สร้าง: 2024-03-26 23:29
อนาคตในมุมมองส่วนตัว
ฉันคิดว่าโลกจะเข้าสู่ยุคที่เราสามารถสั่งการให้ AI เขียนโปรแกรมได้เพียงแค่พูดเท่านั้น ในที่สุดแล้ว โปรแกรมก็จะไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์เขียนขึ้นอีกต่อไป แต่จะเป็นการให้ไอเดีย แล้ว AI ก็จะเขียนขึ้นให้เองนั่นเอง เช่น พิมพ์หรือพูดบอกว่าต้องการรูปแบบไหน ให้สร้างอย่างไร มันก็จะสร้างขึ้นให้
แต่ไม่ได้หมายความว่านักพัฒนาจะหายไปทั้งหมดหรอกนะครับ ใครที่ไม่มีฝีมือก็คงไม่มีที่ยืนแน่ๆ เพราะถ้าฝีมือการเขียนโค้ดไม่ดี ก็คงหางานยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้ามีฝีมือ ก็จะทำให้นักพัฒนาสามารถมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์มากขึ้น เช่น การออกแบบระบบ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน การออกแบบที่มุ่งเน้นผู้ใช้ (Human-centered design) และคาดว่าจะได้เห็นบทบาทของนักพัฒนาในด้านต่างๆ เหล่านี้มากขึ้น
เจนเซิน หวง ซีอีโอของ Nvidia ได้กล่าวในการประชุมเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ควรศึกษาชีววิทยา ลองดูเรื่องไวรัสที่กล่าวถึงด้านหลังประกอบด้วยนะครับ ชีววิทยาที่ผสานกับ AI ดูเหมือนจะเปิดโลกใบใหม่ให้เราได้เห็นเลย
ตอนนี้สิ่งสำคัญมากคือการใส่พรอมต์ (Prompt) อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการออกมาดีที่สุด นั่นก็คือการอธิบายให้ AI เข้าใจเหมือนกับการสอนเด็กๆ เพราะการให้คำแนะนำที่ละเอียดจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้นจึงมีการจ้างงานวิศวกรพรอมต์ด้วยเงินเดือนหลักล้าน และก็มีประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย แต่พรอมต์ที่สำคัญในปัจจุบันนั้น AI ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่าอย่างไรล่ะ ก็คือ AI จะเริ่มเข้าใจแม้ว่าเราจะใส่พรอมต์แบบง่ายๆ เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจะทำให้ความสำคัญของการใส่พรอมต์ลดลง แซม อัลท์แมน ผู้ก่อตั้ง OpenAI ก็กล่าวว่า วิศวกรรมพรอมต์ (Prompt Engineering) จะมีความสำคัญไม่นานนัก และเทคโนโลยีก็จะพัฒนาต่อไป
ส่วนตัวแล้วอยากให้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นแม้เพียง 1 ใน 10,000 ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะมันหมายความว่าเครื่องจักรทำร้ายมนุษย์ ดังนั้น ฉันคิดว่าในอนาคตอันใกล้คงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น
ที่น่าแปลกใจคือ สหรัฐอเมริกาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ประมาณ 2 ล้านครั้งต่อปี แต่ถึงแม้ว่าการนำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมาใช้จะช่วยลดจำนวนอุบัติเหตุลงเหลือ 20,000 ครั้ง แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็จะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที นอกจากนี้ยังมีการต่อต้านจากคนขับแท็กซี่และคนขับ Uber ด้วย ดังนั้น ด้วยปัจจัยทางการเมืองและจิตใจของผู้คน จึงทำให้การนำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมาใช้ในเร็ววันนี้เป็นเรื่องยาก ฉันคาดการณ์ว่าภายใน 6 ปีข้างหน้าก็คงยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี
ในภาพยนตร์เรื่อง Terminator เมื่อจินตนาการถึงอนาคต เราจะเห็นหุ่นยนต์ยิงเลเซอร์และยิงปืนใส่กัน ถ้าหุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองและเพิ่มความแม่นยำในการยิง ฉันคิดว่ามันจะแม่นยำถึง 9,999 ใน 10,000 นั่นคือความแม่นยำ 99.99% แต่ถ้ามนุษย์จะเอาชนะได้ล่ะ การยิงปืนคงไม่ใช่ทางออก เนื่องจาก AI ต้องอาศัย IDC (ศูนย์ข้อมูล) ในการทำงาน วิธีที่ดีที่สุดคือการทำลาย IDC แต่... ถ้า IDC ถูกสร้างอยู่ใต้ดินล่ะ ตอนแรกผู้สร้างอาจจะสร้าง IDC ไว้ใต้ดินเพื่อป้องกันไม่ให้คนไม่ดีเข้าถึงฟังก์ชัน AI แต่ก็อาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการได้เช่นกัน
ฉันคิดว่ามนุษย์อาจจะสูญพันธุ์เพราะชีววิทยาได้ ถ้าสั่งการให้ AI สร้างไวรัสที่ทำลายล้าง มันก็สามารถสร้างไวรัสที่ทำลายล้างได้มากมาย มีผลการทดลองจริงด้วยนะครับ และถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม ลองดู Netflix เรื่อง [Unknown: Killer Robots] ดูนะครับ (ส่วนของไวรัสจะเริ่มที่นาทีที่ 48 ถ้าดูตั้งแต่ต้นก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับอาวุธสงครามด้วย)
มันสามารถสร้างไวรัสที่ทำลายล้างได้ทันทีเหมือนกับแอนแทรกซ์ หรือไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย แต่มีผลเสียหายร้ายแรงหลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่งเหมือนกับ COVID-19 จึงเป็นเรื่องอันตรายมาก T_T
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อเร็วๆ นี้ห้องปฏิบัติการแห่งอื่นในประเทศจีนได้สร้างไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีอัตราการเสียชีวิต 100% ซึ่งอันตรายกว่า COVID-19 เสียอีก ข่าวที่เกี่ยวข้อง (ภาษาไทย)
https://www.netflix.com/title/81473681 (Netflix [Unknown: Killer Robots])
การแฮ็กน่าจะเป็นวิธีที่ AI ใช้ทำเรื่องไม่ดีได้ง่ายที่สุด เพราะ AI สามารถค้นหาจุดอ่อนได้จากมุมมองที่หลากหลาย และทดลองหลายๆ ครั้งหลายหมื่นครั้ง มนุษย์อาจจะพลาดในการเขียนโค้ด แต่ AI จะโจมตีจุดบกพร่องได้ง่ายกว่า แน่นอนว่าในทางกลับกันก็สามารถใช้ AI ค้นหาจุดอ่อนภายในระบบได้เช่นกัน เหมือนกับดาบสองคมเลยครับ
เนื่องจากฟังก์ชันการแปลของ AI เชิงสร้างสรรค์นั้นทรงพลังมาก จึงคาดว่าโลกจะเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์มากขึ้น คาดว่าต่างประเทศจะใช้ฟังก์ชันการแปลของ AI เชิงสร้างสรรค์ในการเข้าสู่ตลาดภาษาไทยและภาษาต่างๆ ในท้องถิ่น และในที่สุดแล้วประเทศไทยก็จะก้าวไปสู่ตลาดต่างประเทศเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไม่ใช่บริการที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและนโยบายของประเทศ เช่น การชำระเงิน อสังหาริมทรัพย์ กฎหมาย ฯลฯ ในประเทศไทย การแข่งขันก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากการไหลบ่าเข้ามาจากทั่วโลก ดังนั้นจึงคาดว่าจำนวนธุรกิจในประเทศไทยที่ขยายไปสู่ต่างประเทศจะเพิ่มมากขึ้น
และเนื่องจากการแปลที่แม่นยำ วัฒนธรรมเกี่ยวกับคนดังก็จะแพร่หลายมากขึ้น และวัฒนธรรมอื่นๆ เช่น อาหาร ก็จะแพร่หลายเร็วขึ้นด้วย
อัตราการเกิดของประเทศไทยต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศ OECD แต่ไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทยเพียงประเทศเดียว เพราะทั่วโลกต่างก็ไม่นิยมมีบุตร โลกกำลังเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ สังคมผู้สูงอายุทำให้หลายๆ อย่างยากขึ้น การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานสำหรับผู้สูงอายุก็เป็นปัญหา และปัญหาอีกอย่างคือผู้สูงอายุยังคงครองตำแหน่งงานที่คนรุ่นใหม่ควรจะเข้ามาทำงาน อายุเฉลี่ยของนักการเมืองในยุค 2000 นั้นต่ำกว่าอายุเฉลี่ยของนักการเมืองในยุค 2020 ทั่วโลก ไม่ใช่แค่เพียงนักการเมืองเท่านั้น แทบทุกวงการเป็นแบบนี้ ตัวอย่างเช่น ในวงการบันเทิง เราจะเห็นว่าอายุเฉลี่ยของนักแสดงที่โดดเด่นในปัจจุบันนั้นสูงกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด สังคมผู้สูงอายุจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมต่างๆ มากมาย และอาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนแต่ละรุ่นด้วย
เพราะมนุษย์มักพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และใฝ่ฝันถึงอนาคตที่ดีกว่า เราคิดว่าอนาคตคงจะดีขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหมครับ
ความคิดเห็น0